ในยุคปัจจุบันการมีเว็บไซต์เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอการทำ SEO และการที่เว็บไซต์ของคุณถูกค้นเจอบนโลกออนไลน์ และอยู่ในตำแหน่งที่ดีในผลการค้นหาบน Google เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้เข้าชมกลายเป็นลูกค้าได้การทำ SEO (Search Engine Optimization) จึงกลายมาเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการเพิ่มยอดขาย และเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ SEO คืออะไร และเราสามารถใช้มันเพื่อเพิ่มยอดขายได้อย่างไร? มาดูกัน!
SEO คืออะไร?
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization เป็นการปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสมกับการค้นหาของ Google หรือเสิร์ชเอ็นจิ้นต่างๆ โดย การทำ SEO จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีอันดับที่ดีขึ้นในการค้นหา ซึ่งหมายความว่าผู้คนจะสามารถค้นหาและเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น
การที่เว็บไซต์ติดอันดับสูงๆ บน Google เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่มักจะคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ที่ปรากฏในหน้าแรก และที่สำคัญคือ ถ้าคุณสามารถทำให้เว็บไซต์ของคุณโดดเด่นในผลการค้นหา นั่นหมายถึงคุณมีโอกาสที่จะเพิ่มยอดขาย และยอดการเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างมากมาย
1. การทำ Keyword Research (การค้นหาคีย์เวิร์ด)
หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดของ SEO คือการเลือก คีย์เวิร์ด ที่เหมาะสม คีย์เวิร์ดคือคำหรือวลีที่ผู้คนใช้ค้นหาสินค้าหรือบริการต่างๆ ทางออนไลน์ คุณต้องรู้จักและเข้าใจว่าผู้ใช้งานค้นหาอะไร โดยใช้เครื่องมืออย่าง Google Keyword Planner, Ahrefs หรือ SEMrush เพื่อค้นหาคำที่เป็นที่นิยมและเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
เทคนิค: การใช้คีย์เวิร์ดที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณจะช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการได้ดียิ่งขึ้น และช่วยเพิ่มโอกาสในการขายด้วย

2. การปรับแต่ง On-Page SEO
On-Page SEO คือการปรับปรุงเว็บไซต์ในส่วนที่อยู่ภายใน ไม่ว่าจะเป็นการใส่คีย์เวิร์ดในบทความ การเพิ่มรูปภาพที่มีคุณภาพ การใช้หัวข้อย่อย หรือการจัดรูปแบบเนื้อหาให้สามารถอ่านได้ง่าย การทำ SEO ภายในเว็บไซต์ให้ดีนั้นเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณถูกค้นหาเจอได้ง่ายขึ้น
เทคนิค: อย่าลืมใส่คีย์เวิร์ดในตำแหน่งที่สำคัญ เช่น Title Tag, Meta Description และในหัวข้อของบทความ (H1, H2, H3) เพื่อให้ Google เข้าใจว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวกับอะไร และช่วยให้ผลการค้นหาดีขึ้น
3. การสร้าง Content ที่มีคุณภาพ
คอนเทนต์ที่มีคุณภาพเป็นหัวใจสำคัญของ SEO Google จะให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่มีคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน และมีความสดใหม่ การเขียนบทความหรือข้อมูลที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณจึงเป็นวิธีหนึ่งในการดึงดูดผู้ใช้งานเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ และทำให้พวกเขาอยู่ในเว็บไซต์ของคุณนานขึ้น
เทคนิค: การอัปเดตคอนเทนต์เป็นประจำจะช่วยให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพสูงและมีความสดใหม่ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มอันดับในการค้นหาได้
4. การปรับปรุงเว็บไซต์ให้เหมาะกับการใช้งานบนมือถือ
Mobile SEO คือสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ในยุคที่ผู้คนใช้มือถือในการค้นหาและซื้อสินค้ามากขึ้น เว็บไซต์ของคุณต้องมีการออกแบบที่ รองรับการใช้งานบนมือถือ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการโหลดหน้าเว็บเร็ว หรือการจัดวางเนื้อหาที่เหมาะสมกับหน้าจอขนาดเล็ก
เทคนิค: หากเว็บไซต์ของคุณรองรับการใช้งานบนมือถือ Google จะให้คะแนนเว็บไซต์ของคุณสูงขึ้น และทำให้คุณมีโอกาสที่จะได้อันดับที่ดีในผลการค้นหา
5. การสร้าง Backlink ที่มีคุณภาพ
Backlink คือการที่เว็บไซต์อื่นๆ ใส่ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของคุณ การที่เว็บไซต์ของคุณได้รับลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูงเป็นการบ่งบอกว่าเว็บไซต์ของคุณน่าเชื่อถือ ซึ่ง Google ให้ความสำคัญกับ Backlink อย่างมาก ถ้าคุณมี Backlink จากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องหรือมีชื่อเสียง จะทำให้ SEO ของคุณดีขึ้น
เทคนิค: หมั่นสร้างความสัมพันธ์กับเว็บไซต์อื่นๆ ที่มีคุณภาพ โดยอาจเสนอการเขียนบทความหรือแลกเปลี่ยนลิงก์ จะช่วยเพิ่ม Backlink ที่มีคุณภาพและช่วยปรับปรุงอันดับ SEO ของคุณ
ผลที่ได้รับหากเว็บไซต์มี การทำ SEO
การทำ SEO นั้นจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสถูกค้นหาเจอในอันดับต้นๆ ของผลการค้นหา ซึ่งหมายถึงการมี ผู้เข้าชมเพิ่มมากขึ้น และนั่นหมายถึงโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการที่มากขึ้น นอกจากนี้ SEO ยังช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเงินในระยะยาว เนื่องจากไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาเพื่อดันเว็บไซต์ของคุณให้ติดอันดับเสมอ
ตัวอย่างผลลัพธ์ที่คุณอาจได้จาก การทำ SEO
- ยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้น
- อันดับเว็บไซต์ดีขึ้นในผลการค้นหาของ Google
- ยอดขายสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น
- ลดต้นทุนในการโฆษณาระยะยาว
แนวทาง การทำ SEO อย่างยั่งยืน
SEO ไม่ใช่เรื่องที่ทำเสร็จได้ในวันเดียว การทำ SEO เป็นการลงทุนระยะยาว คุณต้องคอยปรับปรุงเนื้อหาและเทคนิคอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการติดตามผลลัพธ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าคุณยังคงสามารถแข่งขันได้ในตลาดออนไลน์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
บริการ Dot Design ช่วยคุณได้!
ขั้นตอนการทำงานสำหรับการออกแบบเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชัน
- คุยงานสรุปขอบเขตงาน มีการนำเสนอ Flow และหน้าจอตัวอย่างสำหรับให้ลูกค้าเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น
- ยืนยันงานอีกครั้ง พร้อมนำเสนอราคาให้ลูกค้าพิจารณา
- ลูกค้าชำระเงิน และเราจะเริ่มทำงานทันที
- เราจะอัปเดตความคืบหน้าของงานให้ลูกค้าทราบเป็นระยะ
- ส่งงานรอบแรกเพื่อตรวจสอบ แก้ไขตามที่ลูกค้าต้องการได้ไม่เกิน 3 ครั้ง
- ส่งงานครั้งสุดท้าย ลูกค้าอนุมัติงานและให้รีวิวตามความพึงพอใจ
ใครที่สนใจการออกแบบ UX/UI หรือเว็บไซต์ สามารถติดต่อเราได้ที่ โปรไฟล์ Fastwork หรือ dotdesignix.com
หากคุณกำลังมองหาทีมงานที่เชี่ยวชาญในการทำเว็บไซต์ให้รองรับ SEO รวมถึงการออกแบบ UX/UI ที่มีประสิทธิภาพ Dot Design พร้อมให้บริการคุณ เราไม่เพียงแค่สร้างเว็บไซต์ที่ดูดี แต่ยังช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับในผลการค้นหาของ Google ได้อีกด้วย สนใจปรับปรุงเว็บไซต์หรือทำ SEO ติดต่อเราวันนี้!